ทุกองค์การล้วนต้องการให้การดำเนินงานประสบความสำเร็จตามวิสัยทัศน์ เป้าหมายที่กำหนด ซึ่งความสำเร็จเหล่านั้นส่วนใหญ่เกิดจากความมุ่งมั่น ทุ่มเทปฏิบัติงานของบุคลากรทุกคน ทุกระดับ ตามหน้าที่ความรับผิดชอบต่างๆที่กำหนดไว้ การประเมินผลการปฏิบัติงานของบุคลากรเป็นวิธีการที่จะทำให้ผู้บริหารขององค์การทราบถึงสถานะของการปฏิบัติงานตามภารกิจ วัตถุประสงค์ และเป้าหมายต่างๆ ที่ถ่ายทอดให้บุคลากรผู้ปฏิบัติงานในระดับต่างๆ เพื่อประโยชน์ในหลายด้าน คือ
|
||
1.ด้านสถาบันจะได้ทราบสถานะในการปฏิบัติงานในภารรวมว่าสำเร็จ หรือไม่ ระดับใด ต้องปรับปรุง พัฒนา หรือบริหารจัดการจุดไหน อย่างไรเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ และเป้าหมายที่ตั้งไว้ตามกำหนด 2.ด้านผู้บังคับบัญชาได้ทราบถึงทักษะความรู้ของผู้ได้บังคับบัญชาต่อการปฏิบัติงานที่ได้รับมอบหมาย ว่ามีเพียงพอหรือไม่ มอบหมายงานถูกกับคนหรือไม่ ควรมีการจัดสรร โยกย้าย สลับตำแหน่งหน้าที่ความรับผิดชอบหรือไม่ เพื่อให้ผลการปฏิบัติงานในภาพรวมมีประสิทธิภาพและประสิทธผล 3.ด้านผู้ปฏิบัติงานได้ทราบถึงช่องว่างความรู้ ทักษะที่จำเป็นต่อการปฏิบัติงานที่ได้รับมอบหมายว่า ตนเองยังต้องเพิ่มพูนความรู้ ทักษะของตนเพิ่มเติมหรือไม่ อย่างไร จะเห็นได้ว่าการประเมินผลการปฏิบัติงานมีความสำคัญมากกว่าการนำผลการประเมินใช้พิจารณาเลื่อนเงินเดือน ยังรวมถึงการนำผลที่ได้ไปใช้ในการพัฒนาบุคลากร และพัฒนากระบวนการปฏิบัติงานด้วย |
||
สถาบันนำระบบการประเมินผลการปฏิบัติงานมาใช้ในการบริหารจัดการด้านทรัพยากรมนุษย์ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการดำเนินงานและตอบสนองต่อภารกิจและวิสัยทัศน์ที่สถาบันกำหนดไว้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาและปรับปรุงการปฏิบัติงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งๆ ขึ้น 2) ให้รางวัลสำหรับหน่วยงานที่มีผลการประเมินอยู่ในระดับดีเด่น 3) ประกอบการพิจารณาเลื่อนเงินเดือน ซึ่งรอบการประเมินผลการปฏิบัติงานกำหนดไว้ปีงบประมาณละ 2 รอบ คือ รอบที่ 1 ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม ถึง 31 มีนาคม และรอบที่ 2 ระหว่างวันที่ 1 เมษายน ถึง 30 กันยายน ในแต่ละรอบผู้รับการประเมินจะทำการตกลงถึงผลการปฏิบัติงานร่วมกับผู้บังคับบัญชาก่อน และทำการประเมินผลโดยเทียบเคียงผลงานที่ทำได้จริงกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ เพื่อสรุปเป็นคะแนนประเมิน หากในระหว่างรอบมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ เช่น มีงานเพิ่มเติมจากที่ได้ตกลงไว้ ผู้รับการประเมินกับผู้บังคับบัญชาสามารถร่วมกันพิจารณาปรับปรุง/แก้ไขเพิ่มเติมได้ โดยพิจารณาองค์ประกอบในการประเมินผลการปฏิบัติงาน 2 องค์ประกอบหลัก คือ องค์ประกอบด้านผลสัมฤทธิ์ของงาน(KPI) และองค์ประกอบด้านพฤติกรรมหรือสมรรถนะ(Competency) ทั้งนี้การกำหนดเป้าหมายหรือตัวชี้วัดความสำเร็จในแต่ละองค์ประกอบจะต้องมีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของสถาบันหรือหน่วยงาน โดยสัดส่วนหรือค่าน้ำหนักจะขึ้นอยู่กับประเภทและตำแหน่งของบุคลากร ซึ่งมีความแตกต่างกันระหว่างข้าราชการและพนักงานสถาบันทั้งสายวิชาการและสายสนับสนุน ดังนี้ |
บุคลากรสายวิชาการ (ตัวอย่าง อาจารย์ไม่ได้ดำรงตำแหน่งบริหาร) |
|
บุคลากรสายสนับสนุน (ตัวอย่าง ผู้ปฏิบัติงาน) |
กลุ่มงานบริหารงานบุคคล / ประเมินผลการปฏิบัติงาน / ดาวน์โหลดเอกสารที่เกี่ยวข้อง
Knowledge Management |
การจัดการความรู้ |
การพัฒนาศักยภาพ ความสามารถในการดำเนินงานขององค์การเป็นสิ่งที่บุคลากรทุกระดับควรให้ความสำคัญ และกระแสในปัจุจบันอย่าง Soft Skill ที่มีความเชื่อมโยงกับการจัดการความรู้ โดยเฉพาะความรู้ ทักษะ แนวปฏิบัติต่าง ๆ ขององค์การที่อยู่ในตัวบุคลากร (Tacit Knowledge) ซึ่งบุคลากรเหล่านั้นได้สั่งสมความรู้ ประสบการณ์มายาวนาน ทั้งรูปแบบที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ เช่น การเรียนรู้จากประสบการณ์ การฝึกอบรม การศึกษาดูงาน การทดลอง การประยุกต์ใช้จากแนวปฏิบัติที่ดี (Best Practice) การแนะนำสอนงาน (Coaching) จากผู้บังคับบัญชาหรือเพื่อนร่วมงาน หรือจากการเรียนรู้ผ่านเครือข่ายภายนอกต่าง ๆ ซึ่งความรู้ดังกล่าวเปรียบดังสินทรัพย์อันมีค่าขององค์การ องค์การควรต้องมีการบริหารจัดการความรู้ (Knowledge Management ) ดังกล่าวให้เกิดประโยชน์ต่อการดำเนินงาน การเรียนรู้ของบุคลากรและองค์การ ด้วยกระบวนการแสวงหา จัดเก็บ ถ่ายทอด เพื่อให้มั่นใจว่าบุคลากรสามารถปรับใช้อย่างเหมาะสมกับบริบทต่างๆ ขององค์การให้มีประสิทธิผลและประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน รวมถึงการเรียนรู้ของบุคลากรระดับต่าง ๆ ขององค์การ ปัจจัยสำคัญหนึ่งในการดำเนินงานด้านการจัดการความรู้ คือ การกระตุ้นและสนับสนุนอย่างต่อเนื่องของผู้บริหารขององค์กร เพื่อให้เกิดบรรยายกาศของการเรียนรู้ ทำให้บุคลากรของสถาบันได้มีโอกาสในการส่งมอบความรู้และประสบการณ์ผ่านกิจกรรมหรือเวทีต่างๆ และขยายเป็นชุมชนนักปฏิบัติ ที่ส่งมอบองค์ความรู้และประสบการณ์อย่างต่อเนื่องไม่มีที่สิ้นสุด |
ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2550 สืบเนื่องถึงปัจจุบันสถาบันได้ผลักด้น ให้การจัดการความรู้เป็นหนึ่งในกระบวนการที่ช่วยยกระดับการปฏิบัติงาน และการเรียนรู้ของบุคลากร โดยอาศัยแนวคิดค่านิยมของเกณฑ์คุณภาพมาประยุกต์ใช้ ได้แก่ การปฏิบัติงานโดยอาศัยความรู้ และข้อมูลเชิงประจักษ์ (Management by Fact) การทำงานแบบ PDCA และการคิดเชิงระบบ (System Thinking) ผ่านการปรับปรุงการปฏิบัติงาน รวมถึงการวิจัยจากงานประจำ (Routine to Research : R2R) และกระบวนการตามเกณฑ์คุณภาพการศึกษาเพื่อการดำเนินการที่เป็นเลิศ (EdPEx) มาประกอบในการดำเนินงานด้านการจัดการความรู้ของสถาบัน นอกจากนั้นยังให้ความสำคัญในการจัดเก็บ รวบรวม ประมวล และเผยแพร่ความรู้ที่อยู่ในรู้ความรู้ที่ชัดแจ้ง (Explicit Knowledge) ในช่องทางต่างๆ เช่น เว็บไซต์การจัดการความรู้ระดับสถาบัน (www.km.nida.ac.th) การเผยแพร่แลกเปลี่ยนความรู้ในงานมหกรรมการจัดการความรู้ NIDA Knowledge Forum ร่วมถึงกิจกรรม NIDA Expert Sharing Plus เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อให้มั่นใจว่าบุคลากรมีช่องทาง และเวทีในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และการเข้าถึงความรู้ที่ต้องการได้อย่างแท้จริง |
||
มารู้จักกับเว็บไซต์การจัดการความรู้ของนิด้า สถาบันใช้เว็บไซต์การจัดการความรู้ระดับสถาบันเป็นช่องทางหนึ่งในการจัดเก็บความรู้ที่สำคัญในการปฏิบัติงานของบุคลากร ซึ่งประกอบด้วย 1.ความรู้ภายในองค์การ เป็นความรู้ที่สกัดจากบุคลากรภายในสถาบันจากบุคลากรทั้งสายวิชาการและสายสนับสนุน เพื่อเผยแพร่ความรู้ แนวปฏิบัติที่ดีจากผู้รู้ผู้มีประสบการณ์ของสถาบัน 2.ความรู้ภายนอก เป็นการแผยแพร่ความรู้ แนวปฏิบัติต่างๆ ที่น่าสนใจ เพื่อประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงาน 3.ผลงานในการศึกษา ค้นคว้าของบุคลากรของสถาบัน 3.2 งานวิเคราะห์ งานสังเคราะห์ 4.เทคนิคการใช้ MS Office ได้แก่ Excel Word และ PowerPoint 5.NIDA Infographic เป็นการสกัดและเผยแพร่ความรู้ของสถาบันในรูปแบบของภาพ และภาพเคลื่อนไหวเพื่อให้งานต่อการศึกษาเข้าใจ 6.กิจกรรมการจัดการความรู้ เป็นการรวบรวมกิจกรรมการจัดการความรู้ที่นิด้าดำเนินการที่ผ่านมา เพื่อประโยชน์ในการอ้างอิงในการปรับปรุงการดำเนินงานในกิจกรรมดังกล่าวในอนาคต
|
ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 /ประกันสังคมต้องรู้ /กลุ่มงานพัฒนาทรัพยากรบุคคล